วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้

เครื่องปรุง

  •  ปลาทูนึ่ง 2 ตัว  (ลองทำดูอร่อยนะ)
  •  เครื่องปรุงน้ำยาโขลกละเอียด
  •  กะทิสด 2 ถ้วย
  •  ใบมะกรูดฉีก 4-5 ใบ
  •  ตะใคร้บุบพอแตก 2 ต้น (ถ้าเป็นน้ำยาภาคอื่่นใส่มากไม่ได้ จะทำให้เปรี้ยว)
  •  น้ำปลา

เครื่องปรุงน้ำยา

  •  พริกขี้หนูแห้งสีแดง
  •  พริกไทยดำ 2 ช้อนชา
  •  ข่าหั่นฝอย 2 ช้อนชา
  •  หอมแดง  3-4 หัว
  •  กระเทียม (กระเทียมและหอมแดงใช้ปริมาณเท่า ๆ กัน)
  •  กระชาย ( 2 – 3 ราก)
  •  ตะไคร้ 1 ช้อนโต๊ะ
  •  ผิวมะกรูด 2 ช้อนชา
  •  ขมิ้นสด ปอกเปลือก ยาวประมาณ 3 นิ้ว
  •  กะปิ 2 ช้อนชา
  •  น้ำปลา
* เครื่องแกง คงจะกำหนดตายตัวให้ได้ยาก เพราะหัวหอม กระเทียม ข่า ตะไคร้
    มีขนาดแตกต่างกัน จึงขอให้ใช้ความชำนาญกะประมาณเอานะคะ

วิธีทำ

1.  โขลกเครื่องปรุงน้ำยาให้ละเอียด ใส่กะปิตามลงไป
2.  แกะเนื้อปลาทู โขลกลงผสมกับเครื่องปรุงน้ำยาให้เป็นเนื้อเดียวกัน
3.  ผสมหัวกะทิสด + น้ำเปล่าพอประมาณ (สำหรับผู้ซื้อเฉพาะหัวกะทิแช่แข็งไว้อย่างเจ้าของกระทู้)
ตั้งไฟพอเดือด เอาเครื่่องปรุง+ปลาทู ที่โขลกไว้ใส่ลงไป  ใส่ตะไคร้บุบพอแตก คนให้เข้ากัน
      * อย่าใช้ไฟแรงเด็ดขาด กะทิจะแตกมัน และหมั่นคนบ่อย ๆ 
     (น้ำยาปักษ์ใต้ไม่ควรให้แตกมัน จะไม่น่ารับประทาน ซึ่่งตรงข้ามกับน้ำยาทางภาคกลาง)
4.  ปรุงรสด้วยน้ำปลา เคียวไปนาน ๆ จะยิ่งอร่อยจ้ะ
5.  ก่อนยกลงรับประทาน  ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไปด้วย

แกงเทโพ



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปแกงเทโพ


ส่วนผสมแกงเทโพ
  1. หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นๆ 300 กรัม
  2. ผักบุ้งน้ำ 400 กรัม (น้ำหนักเฉพาะส่วนที่ใช้ หรือใส่เพิ่มได้อีก…ปริมาณตามชอบ)
  3. กะทิสำเร็จรูป (ขนาด 500 มล) 1 กล่อง
  4. ผลมะกรูด 2 ผล
  5. ใบมะกรูดฉีกเป้นชิ้นเล็กๆ (1ใบ ได้ซัก 2- 3 ส่วน) แช่น้ำไว้ 4-5 ใบ
  6. มะขามเปียก 10 ฝัก (หรือประมาณ 1 กำมือ)
  7. น้ำตาลปี๊บ
  8. น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุงพริกแกงสำหรับแกงเทโพ
  1. พริกแห้ง 7-10 เม็ด
  2. กระเทียมปอกเปลือก 5-7 กลีบ
  3. หอมแดงปอกเปลือก 3-5 หัว
  4. กะปิอย่างดี ½ ช้อนโต๊ะ 
  5. ข่าซอยละเอียด 1 ช้อนชา
  6. ผิวมะกรูดซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  7. ตะไคร้ซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  8. พริกไทย 5 เม็ด
  9. ปลาย่างแกะเอาแต่เนื้อป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะพูนๆ
  10. เกลือ 1 หยิบมือ
วิธีทำ
1. เตรียมเครื่องปรุงต่างๆสำหรับทำพริกแกงเทโพให้พร้อม ดังนี้
  • นำพริกแห้งมาเด็ดก้านทิ้ง ผ่ากลางตามความยาวของเม็ดแคะเอาเมล็ดออกให้หมด แล้วแช่น้ำให้นิ่ม
  • นำกระเทียม และหอมแดง มาปอกเปลือกให้เกลี้ยง
  • นำข่าและผิวมะกรูด ซอยให้ละเอียด
  • ปลาย่างแกะเอาแต่เนื้อ และป่นให้ละเอียด
2. เตรียมทำน้ำพริก…เริ่มด้วยใช้ครกโขลกเกลือ ผิวมะกรูดและข่า เข้าด้วยกันให้ละเอียด แล้วใส่หอมกระเทียมลงไปบุบให้พอแหลก ต่อไปให้ตักเครื่องแกงจากครกทั้งหมดไปใส่เครื่องปั่น สงพริกแห้งขึ้นจากน้ำด้วยมือ บีบให้สะเด็ดน้ำ หั่นหยาบๆใส่ลงในเครื่องปั่น พร้อมกับปลาป่น…แล้วเติมกะทิสำเร็จรูปตามลงไป 3 ทัพพี…น้ำสุก 2 ทัพพี…แล้วนำไปปั่นให้ละเอียดแบบน้ำผลไม้ ก็จะได้น้ำพริกแกงเรียบร้อย พักไว้

3. เตรียมส่วนผสมสำหรับทำแกงเทโพ ดังนี้
  • หมูสามชั้น ขูดขนให้เกลี้ยง ล้างให้สะอาด หั่นหมูเป็นชิ้นพอคำตามขวางให้ติดกันมาทั้งหนัง มัน เนื้อ ขนาดหนาครึ่งเซนติเมตร 
  • ผักบุ้งล้างให้สะอาดตัดโคนทิ้งเสียบ้าง ใบที่เหลืองและช้ำมากปลิดทิ้งไป แล้วหยิบผักบุ้งมาทีละ 5-8 “ตบแล้วบิด” ผักบุ้ง วิธีตบแล้วบิด คือ ให้หยิบผักบุ้งมาทีละ 5-8 ต้น แล้วกำทางโคนให้โผล่ออกมาสัก 2 นิ้ว ด้วยมือที่ไม่ถนัด…ตบเบาๆเข้าหามือที่กำไว้ด้วยมือที่ถนัด ต่อด้วยบิดผักบุ้งเบา…แล้วแช่น้ำหรือใส่ลงหม้อน้ำแกงเลย (บิดลำต้นพอให้มีเสียงกร๊อบแกร๊บเบาๆ อย่าบีบแรงครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นผักบุ้งช้ำ)… “ตบและบิด” ไปเรื่อยๆจนหมดผักบุ้ง
  • ล้างผลมะกรูดให้สะอาด หั่นตามขวางเป็น 2 ส่วน แคะเมล็ดทิ้งให้หมด 
  • มะขามเปียก 10 ฝัก (ถ้าไม่เป็นฝักก็ประมาณ 1 กำมือ คั้นกับ น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำสุก 1 แก้ว หรือจะใช้น้ำมะขามเปียกแบบขวดที่มีขายก็ได้ สะดวกดี) 
  • ฉีกใบมะกรูดแช่น้ำไว้ 4-5 ใบ 
4. พร้อมแล้วก็ลงมือแกงได้!...
  • เริ่มด้วยเคี่ยวกะทิ คือเทน้ำกะทิที่เหลือใส่หม้อ แล้วเปิดปากกล่องให้กว้าง…ตวงน้ำสะอาดด้วยกล่องนี้ 2 กล่องใส่ลงในหม้อด้วย…แล้วตั้งไฟให้เดือดเคี่ยวจนแตกมัน 
  • จากนั้นตั้งกระทะให้ร้อนด้วยใช้ไฟกลาง เทน้ำพริกแกงจากเครื่องปั่นลงในกระทะผัดให้หอม ระหว่างน้ำพริกแกงยังไม่ได้ที่…ค่อยๆช้อนหน้ากะทิในหม้อที่เคี่ยวไว้โรยรอบกระทะเป็นระยะ พร้อมคนน้ำพริกแกงไปมาไม่ให้น้ำพริกแกงไหม้
5. เมื่อผัดน้ำพริกแกงได้ที่ใส่เนื้อสามชั้นลงไปผัด ตักกะทิที่เคี่ยวไว้จากหม้อ 5 ทัพพี ใส่ลงในเครื่องปั่นที่เพิ่งเทน้ำพริกแกงออกไป เขย่าล้างให้ทั่ว เทลงในกระทะที่กำลังผัดน้ำพริกแกงกับหมูอยู่ 

6. เมื่อหมูสุก…เทกะทิจากหม้อลงในกระทะทั้งหมด คนให้เข้ากัน…พอแกงเดือดใส่ผักบุ้งที่แช่น้ำไว้ลงไป ปล่อยให้เดือดนานหน่อย คะเนว่าหมูและผักเปื่อยได้ที่…ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้าปลา บีบน้ำมะกรูดที่ผ่าเป็นสองซีกลงในแกงทั้งสองผล และเปลือกมะกรูดก็ใส่ลงไปในแกงด้วย ชิมรสดูครับ ได้ที่แล้วใส่ใบมะกรูด…จากนั้นตักใส่หม้อตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง…ยกลงพร้อมเสิร์ฟ^^

วุ้นเส้นผัดไข่

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ผัดวุ้นเส้น
เครื่องปรุงและส่วนผสม วุ้นเส้นผัดไข่
1.    วุ้นเส้น    150 กรัม
2.ไข่ไก่    2 ฟอง
3.กะหล่ำปลีหั่น    1 ถ้วยตวง
4.หอมใหญ่หั่น    1/2 ถ้วยตวง
5.    มะเขือเทศหั่น    1 ลูก
6.กระเทียมสับ    2 ช้อนโต๊ะ
7.    น้ำมันหอย    3 ช้อนโต๊ะ
8.    น้ำมันพืช    2 ช้อนโต๊ะ
9.    ซีอิ้วขาว    2 ช้อนโต๊ะ
10.    น้ำตาลทราย    1 ช้อนโต๊ะ
11.พริกไทยป่น    1/2 ช้อนชา

วิธีการทำ วุ้นเส้นผัดไข่
    1.    วุ้นเส้นแช่น้ำ 10 – 15 นาที เพื่อให้นิ่ม     
    2.    ตั้งกระทะ ไฟกลาง ใส่น้ำมันพืช พอร้อนใส่กระเทียมลงไปเจียวให้เหลือง    
    3.    ใส่กะหล่ำปลี หอมใหญ่ กับวุ้นเส้นลงผัด พอเริ่มสุก ตอกไข่ลงไป     
    4.    ยีๆ ไข่ให้กระจายสุกทั่วกระทะ ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ๊ว น้ำมันหอย ใส่มะเขือเทศ คลุกให้เข้ากัน 
    5.    ตักขึ้นใส่จาน โรยด้วยพริกไทย พร้อมเสิร์ฟ

ผัดสะตอ


          สะตอ ผักพื้นบ้านของชาวปักษ์ใต้กับกลิ่นฉุนอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ก็เป็นที่นิยมนำมาประกอบอาหาร หรือจะรับประทานสดคู่กับอาหารต่าง ๆ ก็อร่อย วันนี้เราขอนำเสนอเมนูอาหารปักษ์ใต้สุดอร่อยกับสูตรผัดกะปิสะตอกุ้งสดยอดนิยมมาฝากให้ได้ลองทำรับประทานกันดูนะคะ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ผัดสะตอ

 สิ่งที่ต้องเตรียม


           น้ำพริกแกงที่โขลกเตรียมไว้ 4 ช้อนโต๊ะ

           นำมันพืชสำหรับผัด

           กุ้งสดปอกเปลือกผ่าหลัง 100 กรัม

           หมูสับ 100 กรัม

           น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

           น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

           สะตอ แกะเปลือก 100 กรัม


 วิธีทำ

           ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่น้ำพริกแกงลงผัดจนหอม ใส่หมูสับ และกุ้งลงผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา 

           ใส่สะตอลงผัดจนสุก ตักใส่จาน พร้อมรับประทาน


  สิ่งที่ต้องเตรียม (น้ำพริกแกง)

            กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ

            หอมแดง 2 หัว

            กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ

            กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ

            พริกขี้หนู 10-15 เม็ด

 วิธีทำ
           โขลกกระเทียมกับหอมแดง และกุ้งแห้งจนละเอียด จากนั้นใส่กะปิ และพริกขี้หนูลงโขลกให้เข้ากัน เตรียมไว้

           ถึงสะตอจะเหม็นเขียวไปสักนิดแต่ถ้าได้ลองรับประทานผัดสะตอกุ้งสดจานนี้กับข้าวสวยเข้าไปแล้วล่ะก็ คุณจะลืมความเหม็นเขียวคงเหลือไว้แต่ความอร่อยเลยล่

ผัดฉ่า

ผัดฉ่าเป็นอาหารแนะนำของหลาย ๆ  ร้าน  เนื้อสัตว์ที่นิยมมาผัดฉ่าได้แก่เนื้อปลาหลายชนิด  เช่น  เนื้อปลาเก๋าแล่  เนื้อปลากะพงแล่  ปลาดุกทะเล  กุ้งสด  รวมมิตรทะเล  รสชาติเค็มและเผ็ดร้อนจากเครื่องสมุนไพรนา ๆ ชนิด  ในขั้นตอนการผัดนั้นหอมมาก ๆ ชวนน้ำลายไหลทีเดียวเชียวค่ะ  น้ำซอสของผัดฉ่าคลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ  อร่อยมากมาย  มีหวังได้เติมข้าวสวยกันเป็นทิวแถว
เตรียมของ
กุ้งสด 400 กรัม
กระเทียมกลีบเล็ก 20-25 กลีบ
พริกเหลือง 3-5 เม็ด (แม่หลิ่มใส่ 3 เม็ด)
พริกขี้หนูสวนทั้งก้าน  มากน้อยตามชอบ (แม่หลิ่มใส่ 15 เม็ด)  แต่วันนี้แม่หลิ่มมีแต่แบบเด็ดก้านแล้วค่ะ  ใส่ทั้งก้านจะหอมกว่ามาก
พริกไทยดำเม็ด ¼ ช้อนชา
พริกไทยอ่อน 3-4 ฝัก
กระชายซอย ¼ ถ้วยตวง
ใบมะกรูด 4-5 ใบ
ใบกะเพรา 2-3 กิ่ง
พริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดง 5-6 เม็ด
น้ำปลา 3-4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2-1 ช้อนชา
น้ำมันพืชสำหรับผัด 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
ขั้นตอนการทำ
  1. กุ้งสด  ล้างน้ำ  ปอกเปลือก  ผ่าหลังไว้หาง  หรือไม่ผ่าตามสะดวกและสภาพความสดของกุ้ง
  2. กะเพรา  ล้างน้ำทั้งกิ่ง  สะบัดให้สะเด็ดน้ำ  เด็ดเป็นใบ ๆ
  3. ใบมะกรูด  ล้างน้ำ  สะบัดให้สะเด็ดน้ำ  ฉีกให้เล็กลงและเอาเส้นกลางใบออกไป
  4. กระชายซอย  ล้างน้ำ  สงใส่ตะกร้าให้สะเด็ดน้ำ
  5. พริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดง  ล้างน้ำ  ปลิดขั้วทิ้ง  หั่นแฉลบ
  6. พริกเหลือง  ล้างน้ำ  หั่นขั้วทิ้งแล้วหั่นท่อนสั้นขนาด  1/2 เซนติเมตรเพื่อช่วยให้โขลกละเอียดง่ายขึ้น
  7. พริกไทยอ่อน  ล้างน้ำทั้งฝัก  สะบัดให้สะเด็ดน้ำ  รูดเอาแต่เม็ด  ใส่เป็นช่อสวยงามดีแต่กินลำบาก  สู้แบบรูดเม็ดออกมาไม่ได้ค่ะ
  8. นำพริกไทยดำใส่ครก  โขลกพอหยาบ  ใส่พริกเหลืองลงไป  โขลกพอหยาบ
  9. ใส่กระเทียมลงไป  โขลกพอหยาบ  แล้วตามด้วยพริกขี้หนูสวน  โขลกพอให้พริกแตกเม็ด  ยิ่งโขลกให้พริกขี้หนูละเอียดมากยิ่งเผ็ดมากค่ะ  ปรับเอาในแบบที่คุณชอบ
  10. ตักเครื่องแกงผัดฉ่าใส่ถ้วย  ใส่น้ำเปล่าลงไปล้างครกไว้ 1/4 ถ้วย
  11. ผสมซอสผัดฉ่าแล้วใส่น้ำเปล่าลงไปอีก 1/4 ถ้วยที่เหลือ  คนพอเข้ากัน
  12. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ  นำกระทะตั้งเตา  เปิดไฟกลางไปทางอ่อน  รอน้ำมันอุ่น
  13. นำเครื่องแกงผัดฉ่าลงไปผัดให้หอมและเริ่มเหลือง
  14. ใส่กุ้งสดลงไป  เร่งไฟขึ้นเล็กน้อย  ผัดให้ทั่วกันแค่พอกุ้งเปลี่ยนสีเล็กน้อย
  15. เติมซอสที่เตรียมไว้ลงไป  ตามด้วยน้ำที่ล้างครก  เร่งไฟแรง  ผัดให้ทั่วให้กุ้งสุกและซอสผัดฉ่าเดือดแรง ๆ  ชิมรสชาติและปรุงเพิ่มในแบบที่ชอบ
  16. ใส่พริกไทยอ่อน  กระชายซอยลงไป  ตามด้วยใบกะเพราะและพริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดง
  17. ผัดพอทั่วให้ผักสลบจึงปิดเตาแล้วตักใส่จาน  เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ ค่ะ

ราดหน้า

        ราดหน้า ถือเป็นอาหารยอดฮิตที่เป็นที่นิยมของคนไทยอย่างหนึ่ง ด้วยจุดเด่นที่มีความอร่อยถูกปาก สามารถปรุงแต่งรสชาติเพิ่มเติมได้ตามใจ และยังหากินได้ง่าย มีขายแทบจะทุกที่เลยก็ว่าได้ แต่หลายคนก็มักจะพากันสงสัย ว่าการกินราดหน้าที่ร้านนั้นอร่อยจริง แต่พอขอวิธีทำเขามาทำกินเองบ้างทำไมไม่อร่อยแบบนั้นก็ไม่รู้ ดังนั้นวันนี้เราจึงมีสูตรการทำราดหน้าให้อร่อยถูกปากมาฝากกันค่ะ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิธีทำราดหน้า
วัตถุดิบ
  1. หมูสันในหั่นชิ้นพอดีคำ ประมาณ 2 ขีด หรือใครที่ไม่ชอบเนื้อหมูอาจเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์ชนิดอื่นได้ เช่น ไก่ กุ้ง ปลาหมึก เป็นต้น
  2. ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ประมาณ 3 ขีด
  3. คะน้าหั่นพอดีคำประมาณ 2 – 3 ต้น
  4. เต้าเจี้ยวดำ/กระเทียม สับละเอียดประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ / ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำมันพืชประมาณ 1/4 ถ้วย
  8. แป้งข้าวโพดประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  9. พริกไทยป่นและน้ำตาลทรายป่นอย่างละ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำซุป
  11. พริกชี้ฟ้าหั่นแว่น
วิธีทำ
ผสมซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน นำหมูหรือเนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ลงไปหมัก เติมพริกไทยป่นเล็กน้อย พร้อมนวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เพื่อซึมซับเข้าไปในเนื้อหมูให้ได้มากที่สุด
นำเส้นก๋วยเตี๋ยวคลี่ออกไม่ให้เส้นติดกัน จากนั้นหั่นผักคะน้าเป็นท่อน ท่อนละประมาณ 1 1/2 นิ้ว โดยหั่นแบบโคนเฉียง
นำกระทะขึ้นตั้งไฟ โดยใช้ความร้อนปานกลาง จากนั้นเติมน้ำมันพืชลงไปประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำเส้นก๋วยเตี๋ยวลงไปผัดกับซีอิ๊วดำ ผัดจนเส้นสุกและเข้ากับซีอิ๊ว แล้วตักพักไว้
ตั้งกระทะใหม่โดยใช้ไฟปานกลางเช่นกัน เติมเต้าเจี้ยวสับผสมกับกระเทียมที่เตรียมไว้ลงไปผัด ตามด้วยผักคะน้า และเนื้อหมู แต่เคล็ดลับก็คือให้ผัดพอเนื้อสุกเท่านั้นก็ให้เทน้ำซุปลงไปประมาณ 2 ถ้วย จากนั้นเมื่อน้ำซุปเริ่มร้อนให้ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำปลา
เมื่อน้ำซุปเริ่มเดือดให้เติมแป้งข้าวโพด ซึ่งจะช่วยให้น้ำซุปนั้นข้น ระหว่างการเติมนั้นต้องคอยคนน้ำซุปอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าข้นเหนียวดีแล้วให้นำไปราดบนเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เตรียมไว้ ยกเสิร์ฟได้ทันที
เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งก็คือในระหว่างเติมแป้งข้าวโพดนั้นอาจเกิดการเหนียวข้นมากจนเกินไปของน้ำซุป ดังนั้นแนะนำให้คนแป้งกับน้ำจนละลายเสียก่อนค่อยเทลงไปผสมในกระทะอีกที จะช่วยไม่ให้น้ำซุปเกิดความข้นเหนียวมากจนเกินไป แค่นี้เราก็จะได้ราดหน้าร้อนๆ สูตรอร่อย ที่พร้อมรับประทานกันแล้วค่ะ

ผัดซีอ๊ว

ผัดซิอิ๊ว เป็นหนึ่งในอาหารจานเดียวที่ติดชาร์ตความนิยมจากคนไทยไม้น้อยกว่าเมนูจานอื่นๆ กลิ่นหอมควันไฟ ที่ได้จากการผัดที่ใช้ไฟแรง เป็นเสน่ห์ของอาหารจานนี้ นอกจากหมูแล้ว สามารถเปลี่ยนส่วนผสมเป็น กุ้ง, ไก่ หรือปลาหมึกก็ได้ สำหรับเส้นที่ใช้ผัด นอกจากเส้นใหญ่แล้ว เส้นหมี่ก็สามารถนำมาผัดได้ (แต่เส้นหมี่ต้องนำ ไปแช่น้ำให้นุ่มก่อนนำมาผัด)
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ผัดซีอิ้ว
 เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม
* ซิอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
* กระเทียมสับ 2 กลีบ
* เส้นก๋วยเตี๋ยว 450 กรัม (เส้นใหญ่หรือเส้นหมี่)* ซิอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
* คะน้าหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 200 กรัม
* ไข่ไก่ 1 ฟอง
* ซ๊อสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ

 วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ใส่น้ำมันลงในกระทะ นำไปตั้งไฟ ใส่กระเทียมและหมู ผัดจนกระทั่งกระเทียมหอมและหมูเริ่มสุก
2. ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวและส่วนผสมที่เหลือลงไป ผัดจนทุกอย่างเข้ากันทั่ว
3. ย้ายส่วนผสมในกระทะไว้ด้านข้าง ตอกไข่ใส่ลงไปกลางกระทะ ใช้ตะหลิวเขี่ยไข่แดงให้แตกออก รอจนกระทั่งไข่เกือบสุกจึงผัดทุกอย่างในกระทะให้ผสมกันทั่ว
4. ปรุงรสด้วย ซิอิ๊วขาว และน้ำตาล ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยพริกไทยพอประมาณ เสิรฟทันทีขณะยังร้อน


ผัดเปรี้ยวหวาน

 เมนูผัดเปรี้ยวหวาน อาหารไทยอัดแน่นไปด้วยผักหลากสี พร้อมทั้งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ หาทานได้บ้างตามร้านข้าวแกง แต่ถ้าจู่ ๆ นึกอยากกินก็ทำเองได้เลยค่ะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำ 12 เมนูผัดเปรี้ยวหวาน เช่น ผัดเปรี้ยวหวานหมู ผัดเปรี้ยวหวานไก่ ผัดเปรี้ยวหวานกุ้ง ผัดเปรี้ยวหวานปลา และเมนูผัดเปรี้ยวหวานอื่น ๆ อีกเพียบ ผัดเปรี้ยวหวานนอกจากผู้ใหญ่จะกินได้แล้วยังเหมาะสำหรับเด็กด้วย เพราะรสชาติไม่เผ็ด ออกเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ มื้อเย็นนี้ทำสักจานสำหรับคนพิเศษสิคะ

ผัดเปรี้ยวหวาน

1. ผัดเปรี้ยวหวานหมู 

          เนื้อหมูซื้อมาเป็นกิโลฯ แบ่งออกมาทำเมนูผัดเปรี้ยวหวานหมูเอาใจคุณแฟนดีกว่า เนื้อหมูชิ้นบางผัดคลุกเคล้ากับผักและผลไม้หลากสีทั้ง แตงกวา หอมใหญ่ พริกฝรั่ง มะเขือเทศ และสับปะรด ที่ขาดไม่ได้เลยคือ น้ำซอสสูตรเด็ด รับรองคนพิเศษต้องกินเกลี้ยง 

ส่วนผสม ผัดเปรี้ยวหวานหมู

          • กระเทียมไทยสับ 10 กลีบ
          • เนื้อหมู 200 กรัม (หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ)
          • สับปะรด (หั่นชิ้นพอดีคำ) 1 ถ้วย
          • แตงกวา (หั่นชิ้นพอดีคำ) 1 ถ้วย
          • หอมใหญ่ (หั่นเสี้ยว) 1 หัว 
          • พริกฝรั่งเหลือง 1/2 ลูก
          • มะเขือเทศ 1 ลูกใหญ่ (หั่น 4 ส่วน)
          • ต้นหอม (หั่นท่อน) 1 ต้น
          • ซอสมะเขือเทศ 1/2 ถ้วย
          • น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ
          • เกลือป่นเล็กน้อย (ปรุงรส) **ถ้าต้องการความหอมให้ใส่น้ำปลาแทนได้
          • น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)

วิธีทำผัดเปรี้ยวหวานหมู
 

          • 1. เจียวกระเทียมสับในน้ำมันพืชจนหอม ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนสุก

          • 2. ใส่สับปะรด แตงกวา หอมใหญ่ พริกฝรั่ง ต้นหอม และมะเขือเทศลงไปผัดจนสุก 

          • 3. ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศ น้ำตาลทราย และเกลือป่น ใส่น้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

ปลาราดพริก


ด้วยความอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ปลาจึงเป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี และหนึ่งในเมนูปลาที่ ติดอันดับความนิยมคงหนีไม่พ้นปลาราดพริกเป็นแน่ เคล็ดลับความอร่อยคือ ปลาที่นำมาทอดต้องเป็นปลาที่สด และ น้ำมันที่ใช้ทอดต้องสะอาดใหม่ น้ำมันที่ผ่านการทอดแล้วหลายครั้ง นอกจากจะทำให้ปลาทอดไม่อร่อยแล้ว ยังส่งผล ร้ายต่อสุขภาพด้วย สูตรน้ำราดก็มีส่วนเพิ่มความอร่อยให้กับปลาทอด เมื่อทำเสร็จ ควรเสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ปลาราดพริก

เครื่องปรุง + ส่วนผสม
1. ปลา 1 ตัว น้ำหนักประมาณ 400-500 กรัม 2.น้ำมะขาม 2. ช้อนโต๊ะ
3. น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
4. หอมแดงหั่นหยาบ 1 หัว
5. กระเทียมหั่นหยาบ 2 กลีบ
6. ผักชี (เด็ดเอาแต่ใบ ไว้แต่งหน้าอาหาร)
7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
8. พริกชี้ฟ้าหั่นหยาบ (สีแดงหรือเหลือง) 3 เม็ด
 วิธีทำทีละขั้นตอน
ปลาทอด:
1. บั้งข้างตัวปลาทั้งสองข้าง เพื่อให้เวลาทอดเนื้อปลาสุกได้ง่ายและสุกทั่วทั้งตัว
2. ใส่น้ำมัน (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวงหรือพอท่วมตัวปลา) ในกระทะและนำไปตั้งไฟอ่อน ทอดปลาให้สุกทีละข้าง (หนึ่งข้างใช้เวลาประมาณ 10 นาที) ระหว่างทอดอย่ากลับหน้าปลาจนกว่าข้างหนึ่งข้างใดจะสุก เพราะจะทำให้เนื้อปลาเละไม่น่าทาน
3. เมื่อข้างหนึ่งสุกจึงกลับหน้าไปอีกข้าง โดยเวลาในการทอดอีกข้างให้สุกจะไม่นานเท่าข้างแรก (ใช้เวลาประมาณ 5 นาที) เมื่อปลาสุกดีแล้วให้นำออกมาวางบนกระดาษซับมัน แล้วจึงนำไปจัดใส่จานไว้
เคล็ดลับ : เพื่อให้ได้ปลาที่กรอบขึ้น ให้นำปลาที่ทอดแล้วไปอบในเตาอบที่อุณหภูมิประมาณ 350 องศาฟาเรนไฮต์ (~175 องศาเซลเซียส) ประมาณ 10 นาท
น้ำราดปลา :
1. ใส่น้ำมันประมาณ 1 ช้อนโต๊ะในกระทะ นำไปตั้งไฟอ่อนๆ จากนั้นใส่พริก, หอมแดง และกระเทียมลงไป ผัดให้เข้ากัน
2. ปรุงรสด้วยน้ำมะขาม, น้ำปลา, น้ำตาล และน้ำเปล่าประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ คนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเริ่มเดือด ถ้าน้ำราดข้นเกินไป สามารถเิติมน้ำเปล่าลงไปเพิ่มได้อีกนิดหน่อย รสชาิิติของน้ำราดควรจะมีรสหวาน, เผ็ดและเปรี้ยวพอๆกัน
3. เมื่อเตรียมน้ำราดเสร็จแล้ว จึงนำไปราดหน้าปลาที่ทอดไว้แล้ว แต่งหน้าด้วยผักชี เสิรฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ